เหตุผล 5 ข้อที่ทำให้วิ่งแล้วอยากอ้วก

เรื่องนี้มีคนถามมาหลายเดือนแล้ว ส่วนตัวไม่เคยเป็น จนกระทั่งตอนกลับมาจาก โตเกียวมาราธอนเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังในข้อที่เกี่ยวนะคะ
.
มาดูกันก่อนว่า มีสาเหตุอะไรบ้างนะคะ
.
1. ระบบการย่อยอาหาร หยุดทำงาน (digestive system shutdown)
.
เวลาเราวิ่ง กระแสเลือดที่ลำเลียงอ็อกซิเจน จะถูกส่งไปยังกล้ามเนื้อที่ทำงานอยู่ คือ แขน ขา ก้น core หัวใจ ปอด คือโดนหันเหไปจากที่กระเพาะและลำไส้ อะไรต่างๆที่ไม่ได้ ‘จำเป็น’ ต้องใช้อ็อกซิเจนด่วนเดี๋ยวนั้น เวลานั้น พอกินอะไรอิ่มมา อาหารยังย่อยไม่ทัน กระบวนการย่อยไม่ได้เลือดเท่าเคยได้ในเวลาปกติมาช่วยในกระบวนการย่อย ก็เสร็จเลย แหวะออกมาได้นะคะ
.
นับเวลาที่กินน้ำมากๆ ระหว่างวิ่ง หรือ ทันทีหลังวิ่งเลยด้วยนะคะ
.
2. วิ่งเวลาที่ ร้อนหรือ ร้อนชื้น ก็เป็นได้นะคะ
.
จริงๆแล้ว ปัญหาคล้ายข้อแรก เลือดไม่ไปที่ระบบย่อยอาหาร ไปที่อื่นก่อน โดยเฉพาะคนที่ไม่ชินกับอากาศ อาจจะเพราะปกติซ้อมในยิม หรือ ตอนเช้ามืดหรือตอนเย็น ที่ยังไม่ร้อนมาก แดดไม่ออก หรือฝรั่งไปวิ่ง หรือเล่นกีฬานอกร่ม ในประเทศร้อน เค้าจะระวังเรื่องนี้มากเลยค่ะ
.
ทั้งนี้ เพราะว่าเลือดจะรีบหักเห ส่งไปที่ผิวหนังก่อนเลย เพื่อที่จะช่วยให้เรารู้สึกเย็นขึ้น (cool down) บางคนจะเห็นเลยว่าหน้าแดงเชียว (สวยนะ-แต่อาจอ้วกใส่!)
.
จะเลี่ยงก็ไม่ยากหรอกค่ะ เวลาซ้อมก็ต้องลองกินน้ำ กินเจล ให้รู้ว่าเรากินได้ถี่แค่ไหน กระเพาะเรารับได้มากแค่ไหน ที่กิโลที่เท่าไหร่ นะคะ
.
การขาดน้ำ หรือ dehydration จริงๆแล้วทำให้กระบวนการย่อยช้าลงไปอีก ดังนั้นเราจะไม่กินน้ำเลยก็ไม่ได้ ต้องกิน จิบน้ำก่อนวิ่ง ทีละนิด แต่บ่อยๆ ก็จะช่วยให้การย่อยอาหารเป็นไปได้เร็วขึ้นนะคะ
.
3. ความกดดันที่เกิดขึ้นในกระเพาะ
.
ถ้าเราวิ่งหนัก หรือเร็ว (ไม่ใช่เรื่องผิดนะคะ) บางทีเราไป สร้างความกดดันให้ ช่องท้อง (intra-abdominal) แล้วก็ไปกดกระเพาะ
.
ขึ้นอยู่กับสไตล์การวิ่งของแต่ละคนนะคะ บางคนจะเกร็งกล้ามเนื้อท้องเวลาวิ่ง หรือหายใจแรงเวลาวิ่ง ก็จะไปดันกระเพาะอาหาร แล้วอาหารก็ตีกลับขึ้นมาได้นะคะ
.
ยิ่งถ้ากินอาหารมื้อใหญ่มาก่อนวิ่งนะคะ บางคนกระเพาะรับไม่ได้ หรือไม่ชินนะคะ
.
แต่บางคนที่เป็นโรคกรดไหลย้อน (gastroesophageal reflux disease – GERD) ก็จะมีความเสี่ยงสูงนะคะ
.
โรคนี้คืออะไร
.
คือภาวะที่มีกรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ไหลย้อนขึ้นมาบริเวณหลอดอาหาร ซึ่งหลอดอาหารเป็นอวัยวะที่ไม่ทนต่อกรด จึงทำให้เกิดการอักเสบของหลอดอาหาร
.
ปกติหลอดอาหารจะมีการบีบตัวไล่อาหารลงด้านล่างและหูรูด ทำหน้าที่ป้องกันการไหลย้อนของน้ำย่อย กรด หรืออาหาร ไม่ให้ไหลย้อนขึ้นมาบริเวณหลอดอาหาร แต่เมื่อเป็นโรคนี้หูรูดส่วนนี้ก็จะทำงานได้น้อยลงในบางคนนะคะ แล้วก็หย่อนตัว (relax) ผิดเวลา
.
ถ้าเป็นโรคนี้ก็ ไม่ต้องตกใจ ไปหาหมอ กินยาได้ หรือเลี่ยงอาหารที่กินแล้วไประคายเคือง กระเพาะ ประเภท พวกเปรี้ยวๆ มะเขือเทศ ของมัน แอลกอฮอล์ กาแฟ
.
4. อาหารบางประเภทก็ทำให้รู้สึกอยากอาเจียน หรืออาเจียนได้นะคะ
.
อาหารพวกที่มีกรดเยอะๆ เช่นมะนาว ส้ม หรือ ชีส โซดา น้ำส้ม ก่อนวิ่ง นี้ไม่ควรนะคะ
.
พวกอาหาร และเครื่องดื่มที่มีกรดเหล่านี้ จะทำให้กระเพาะอาหารมีความเป็นกรดไปด้วย และยังทำให้กระบวรการส่งอาหารผ่าน จากกระเพาะไปยังลำไส้เล็กได้ช้า และก็เป็นตัวเสี่ยงมาก ที่จะทำให้เราอาเจียนได้
.
จริงๆแล้ว พวกอาหารที่ย่อยยาก หรือใช้เวลานานในการย่อย เช่น พวก ไขมันสูง โปรตีนสูง นี่ไม่ควรกินกระชั้นมากนะคะ รอพุงแฟบก่อนเลย
.
กินก่อนวิ่ง 2 ชั่วโมง น่าจะเวิร์คสุด
.
5. การหยุดทันที
.
ปาะเภทวิ่งมาอย่างเร็วนะคะ แล้วหยุด จะ interval หรือ tempo มาแล้วมาหยุดกึ้ก ก็นั่นแหละค่ะ
.
วิธีการ ก็ลองนึกนะคะแทนที่จะหยุดทันทีนะคะ เราต้องเตรียมตัวล่วงหน้าเลย แล้วเดินต่อ หรือวิ่งจ๊อกเบาๆต่อแล้วค่อยหยุดนะคะ เดินไป จิบน้ำไปนะคะ ไม่ใช่กรอกน้ำนะ
.
6. การขาดน้ำอย่างแรง (Excessive dehydration)
.
เราอาจจะมีอาการวิงเวียนได้ ถ้าเหงื่อออกเยอะเกิน 4% ของนำ้หนักตัวเวลาวิ่งนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ชะล่าใจ ไม่จิบน้ำก่อนที่จะถึงระดับขาดน้ำหรือหิวน้ำนะคะ คือ รอไม่ได้นะของอย่างนี้ ยิ่งถอ่เรารู้ตัวว่าเป็นคนเหงื่อเยอะ ยิ่งต้องระวัง อย่ารอให้หิวน้ำแล้วค่อยกิน เพราะนั่นแปลว่าสายไปแล้ว
.
บางตำรา เวลาซ้อมเค้าถึงให้นักกีฬา ชั่งน้ำหนักก่อนออกไปวิ่ง เทียบกับหลังวิ่ง เพื่อให้รู้ว่าเสียน้ำไปเท่าไหร่ แล้วจะได้จิบเตรียมตัวไปให้พอสำหรับการวิ่ง รู้ว่าต้องจิบอีกที ที่กิโลที่เท่าไหร่
.
หลังออกกำลังกายก็สำคัญนะคะ กินเข้าไปกับที่เสียไป ข้อนี้ประสพการณ์ตรงเลยนะคะ ตอนไปวิ่งมาราธอนที่โตเกียวที่ผ่านมานี้เอง ไม่รู้อะไรเข้าสิง คิดว่าอากาศต้องหนาวพอๆกับอังกฤษ แต่งตัวเต็มยศมากเลยไปวิ่ง วิ่งไปกลางทาง ร้อนมาก! ถอดก็ไม่ได้ ติดบิบอยู่ ถอดแล้วจะไปไว้ไหน ไม่ทิ้งแน่ เพราะแพง ก็ต้องทนเหงื่อไหลเป็นทางไป จบแล้วก็เฉยๆ ไม่ได้กินน้ำเท่าไหร่ กลับมาโรงแรมคืนนั้นก็ไม่กิน วันรุ่งขึ้นก็เดินเที่ยวเล่น แล้วก็ขึ้นเครื่องบิน รู้สึกแล้วล่ะค่ะ ว่าตัวแห้ง ปากแห้งลอกเป็นแผ่นๆมาตั้งแต่วิ่งจบแล้วล่ะค่ะ แต่มัวแต่ห่วงเหรียญ ห่วงถ่ายรูป นู่นนี่
.
นั่งเครื่องบินมา 12 ชั่วโมง ลงเครื่อง แล้วก็ซมซานกลับบ้าน อาบน้ำแล้วนอนเลย เพราะเหนื่อย
.
ตื่นเช้าขึ้นมา อาเจียนไม่หยุด อื้อหือ.. เกิดไม่เคยเป็น รีบไปหาหมอ เลย ก็จริงนะคะ หมอบอกอย่างเดียวกันค่ะ คือ dehydrated ขาดน้ำ เดินทางโดยเครื่องบินนี่ก็แห้งอยู่แล้ว นี่วิ่งมาราธอนมาอีก
.
เตือนไว้เลย ใครที่ไปวิ่งต่างประเทศ หาน้ำจิบ ให้พอกับที่เสียไปนะคะ ทรมานมาก เข็ดจนตาย บอกเลยค่ะ อย่าตามอย่างนะคะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *