เมื่อ hamstrings ยืดไม่ออก

ปกติเราก็ยืดกันเนอะ ตึงตรงไหนก็ยืดตรงนั้น ยืดไม่ออกก็ยืดอยู่นั่น แล้วก็พลอยโดนคนรอบข้างบ่น ให้เรารู้สึกผิดว่ายืดไม่พอ นี่ไงๆ
.
จริงๆมีสาเหตุอื่นอีกนะคะ ที่ทำให้ hamstrings เราตึง
.
ตอนนี้มี workshop ที่อธิบายเรื่อง Integrative Diagnosis system โดย Dr. William Brady เกี่ยวกับ ความผิดปกติเกี่ยวกับส่วนต่างๆของร่างกายที่คนเป็นกันเยอะ เช่น ไหล่ติด สะโพกติด หลังล่างเจ็บ กับการเทรนแบบ functional training (การเทรนกล้ามเนื้อหลายๆ มัดในเวลาเดียวกัน โดยการเลียนแบบกิจกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแข็งแรงขึ้นได้เลย)
.
แต่วันนี้ขอข้ามเรื่อง functional training ไปก่อนนะคะ จะขอพูดเรื่อง สาเหตุที่ hamstrings เราติด และยืดไม่ออกซักที เพราะคนใกล้ตัวเป็นกันเยอะ
.
+ เพราะ เส้นประสาทถูกกดทับ (Nerve Entrapment)
.
ในกรณีนี้ เราก็จะรู้สึก ชาๆ ปวดๆ ตึงๆ ในบริเวณ hamstrings หรือ บริเวณใกล้เคียง
.
อธิบายก่อนนะคะว่า เส้นประสาทเนี่ยจะสอดผ่านอยู่ตามกล้ามเนื้อ ทีนี้ธรรมชาติเราเนี่ย จะสร้างกันชนให้เส้นประสาท เพื่อที่จะให้เส้นประสาทเราเนี่ยสามารถ ยืดหด มีช่องว่างพอที่จะยืดตัวปูด ขยับได้คล่องนะคะ
.
แต่ทีนี้ เส้นประสาทเนี่ยก็จะสามารถไปติดและโดนกดอยู่ในระหว่างกล้ามเนื้อ จะด้วยสาเหตุใดก็ตามแต่
.
Hamstrings เนี่ยจะยาวทาบตั้งแต่ สะโพก จนถึงเข่า แล้วยังต่อก้นกับน่อง เส้นประสาทนี่ก็ลากได้ตั้งแต่ช่วงหลังตอนล่าง ยาวตลอดจนถึงเท้าเลยค่ะ .
.
พอเส้นประสาทโดนกดทับตรงจุดไหนก็ตาม hamstring ก็เกิดอาการเกร็งตัว (contraction) เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองตามธรรมชาติ (protective mechanism-protective tension) เราก็จะรู้สึกตึง พยายามจะยืดก็ยืดไม่ได้
.
ทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าปัญหาเราเกิดจาก เส้นประสาทโดนกดทับ ลองทดสอบแบบนี้นะคะ
.
– ยืนตรง ขาห่างกันประมาณความกว้างของไหล่
– ก้มตัวลงแตะพื้น หรือเท่าที่ลงได้ ถ้าแตะไม่ได้เลยก็น่าจะเป็นไปได้ว่ามีสิทธิที่จะเป็น
– ถ้าความรู้สึกตึงหลักๆเลยมาจากข้างหลังเข่า หรือข้างหลังน่อง นี่แบบชัดเลยว่าใช่ค่ะ
.
ทำไมน่องตึงเวลาก้มถึงเป็นตัวบอกว่าใช่
.
เพราะว่าเวลาเราก้มแบบขายืด เราไม่ได้เปลี่ยนมุมองศาของข้อเท้า เพราะฉะนั้น เราไม่ควรจะรู้สึกตึงตรงน่อง ดังนั้นถ้าเราตึงตรงน่อง นั่นแปลว่าความตึงที่เรารู้สึกได้นั้น เป็นความรู้สึกที่เส้นประสาทโดนกด แล้วส่วนสายประสาทที่อ่อนแอที่สุดของสายนี้นั้นอยู่ตรงน่อง (tibial portion) ก็โดนยืด เราถึงไปรู้สึกตรงนั้นแทนที่จะไปรู้สึกตรงหลังขา หรือ hamstrings
.
ดังนั้น ถ้าเรายืดขาตรง hamstring แล้วเจ็บจี๊ด กรุณาหยุดทันที เพราะเรากำลังทำให้การบาดเจ็บที่ประสาทที่เป็นอยู่แย่ลงขึ้นไปอีก
.
ถ้าสงสัยควรจะหาหมออร์โธปดิคส์ ที่รักษาโรคเกี่ยวกับการได้รับบาดเจ็บของเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อ (Soft tissue injury) นะคะ อย่ารักษาเอง
.
+ การบาดเจ็บของหลังส่านล่าง ที่ก่อให้เกิดความตึงตัวของ hamstrings ตามมา
.
เคยเขียนไปแล้วเรื่องปวดหลังมาจาก hamstrings ได้ ดังนั้น hamstrings ตึงก็มาจากหลังได้นะคะ
.
Hamstrings เนี่ยจะเป็นตัวการกำหนดตำแหน่งของหลังส่วนล่าง เพราะกล้ามเนื้อชิ้นนี้มันติดสอยอยู่กับกระดูกสะโพก ซึ่งต่อกับกระดูกสันหลังส่วนล่าง
.
หลังส่วนล่างกับ hamstrings เนี่ยยังไงก็ตัดกันไม่ขาด ดังนั้นเมื่อหลังล่างเราเจ็บ ร่างกายเราก็จัดแจงทำให้ hamstring ตึง เพื่อที่จะเป็นการปกป้องไม่ให้หลังช่วงล่างต้องทำงานหนักไป
.
การเจ็บปวดในที่นี้ ที่อาจจะทำให้ยืดไม่ออก คือความเจ็บปวดที่เกิดจาก การบาดเจ็บของหมอนรองกระดูกที่หลังส่วนล่าง (Lumbar Disc Injury) ดังนั้น ถ้าเรารู้สึกตึงที hamstrings และมีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย เช่น
.
▶️ เจ็บ hamstring มากที่สุดในตอนเช้า หลังตื่นนอนและลุกจากเตียง
▶️ รู้สึกชาหรือ เสียวลงมาตามขา
▶️ เจ็บหลังเป็นพิเศษ หลังจากทำsquat และ dead lift
▶️ เจ็บแปลบๆตรงบริเวณหลังล่าง
▶️ พอนั่งนานๆแล้วจะลุก จะรู้สึกเจ็บบริเวณหลัง หรือ hamstrings
.
ถ้ามีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งขั้นต้น ก็อาจจะมีสิทธิที่มีการบาดเจ็บที่ disc แล้ว hamstrings เลยต้องตอบโต้ด้วยการตึง เป็นวิธีที่ร่างกายเรา ‘ช่วย’ เหยียบเบรค ไม่ให้ disc เราต้องเจ็บไปกว่านี้
.
กล้ามเนื้อรอบๆdisc นั้นก็เสียสละที่จะไม่ทำงานตามปกติ แต่จะหันมา ช่วย แบ่งเบาภาระ (unload) ของdisc เราก็เลยรู้สึกตึงที่ hamstrings ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อใหญ่ที่ใกล้กระดูกสันหลังส่วนนี้มากที่สุด เกาะติดสถานการณ์ที่สุด
.
เดี๋ยวก่อน บอกก่อนว่านี่เป็นหน้าที่ของเทรนเนอร์ (ที่นี่นะคะ-ที่อื่นไม่รู้) อย่างนึงที่ต้อง สังเกตอาการเหล่านี้ แล้วส่งต่อให้หมอ ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตายืดให้ แล้วสร้างความบาดเจ็บให้มากขึ้น ก็เลยต้องรู้เรื่องเบสิคพื้นฐานเหล่านี้ จริงๆแล้วอาจจะมีสาเหตุมากกว่านี้อีก แต่นี่คือสาเหตุหลักๆที่เจอบ่อยนะคะ
.
เมื่อสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ข้างบน ก็ขอแนะนำว่าส่งต่อคุณหมอที่รัก เพื่อทำ MRI (ไม่ใช่ X-rays นะคะ เพราะX-rays จะโชว์แต่กระดูก ไม่โชว์เนื้อเยื่ออ่อน- soft tissue) ไม่ให้เทรนต่อ ยืดต่อนะ
.
คุณหมออาจจะต้องทำการตรวจประวัติคนไข้ ทดสอบ อะไรต่อมิอะไร เพิ่มเติม
.
ที่แน่ๆคือ ห้ามทำการใดๆที่จะทำให้ hamstrings หายตึงโดยไม่แก้ไขสาเหตุ ซึ่งในกรณีนี้คือ disc ในหลังนะคะ
.
+ กล้ามเนื้อ hamstrings มีอาการล้า
.
กล้ามเนื้อมัดนี้เนี่ยทำงานหนักมากนะคะ เป็นกล้ามเนื้อที่เกาะปุ่มกระดูก ทอดตัวตั้งแต่สะโพกจนเลยเข่า ไปต่อกับขาช่วงล่าง วันๆเราใช้กล้ามชิ้นนี้ตั้งแต่แค่ยืนเฉยๆโดยไม่ขยับแล้วค่ะ
.
เมื่อกล้ามเนื้อ hamstring ล้า ก็จะส่งผลให้กล้ามเนื้อมัดที่ล้า มัดนี้เนี่ยหดสั้นลงเกิดความตึง เกิดอาการปวดได้ และส่งผลไปดึงให้กล้ามเนื้อที่เกาะที่ปุ่มกระดูกตำแหน่งเดียวกันยืดออก ทำให้กล้ามเนื้ออีกมัดปวดร่วมด้วย
.
เมื่อยืดกล้ามเนื้อ จะเกิด stretch reflex ทำให้ความตึงกล้ามเนื้อจะเพิ่มขึ้น อาการปวดมากขึ้นได้
.
อาการเหล่านี้ เราต้องสังเกตตัวเอง ที่สำคัญคือถ้ายืดเท่าไหร่แล้วไม่ดีขึ้น แถมปวดมากขึ้น กรุณาพบแพทย์นะคะ ไม่ใช่ทำต่อ
.
+ การบาดเจ็บของหัวเข่าก็สามารถทำให้ hamstrings ตึงได้นะคะ
.
เพราะกล้ามเนื้อ hamstring จะทอดตัวผ่านข้างหลังเข่าเพื่อไปต่อกับขาส่วนล่าง (น่อง) ดังนั้นการเข่าของเราจะทรงตัวดี (stable) หรือไม่เนี่ย hamstrings นี่มีส่วนมากนะคะ
.
ก็เหมือนกันกับในกรณีของหลังช่วงล่าง ถ้าเข่าของเรามีอาการบาดเจ็บ hamstrings ก็จะตึง เพื่อช่วยแตะเบรค พยุง และแบ่งเบาภาระของเข่า ไม่ให้บาดเจ็บมากขึ้นไปอีก
.
การที่จะทำให้ hamstrings คลายตัวด้วยการยืดนั้น นอกจากว่ามันจะไม่ยืดแล้ว (บางกรณี อาจตึงขึ้นไปอีก) จะส่งผลให้การบาดเจ็บที่เราคิดว่าไม่เกี่ยวกับ hamstrings เลย (แต่จริงๆแล้วเกี่ยว) จะแย่ลงไปอีก
.
ร่างกายเราเป็นเครื่องจักรกลที่สับสนนะคะ เจ็บตรงนี้ อาจปวดตรงนู้น เราต้องฟังตัวเองด้วยนะคะ ไม่ใช่เค้าบอกให้ยืด ยืดไม่หาย ปวดมากขึ้น แล้วก็ยังยืดต่อไป
.
บางทีเราก็ต้องพบแพทย์นะคะ เพื่อหาสาเหตุให้เจอว่าการที่ hamstrings ตึงนั้น มันเกิดจาก hamstrings แน่หรือ

Cr. Breaking Muscle and Dr. Matt Maggio
‘Integrative Diagnosis system’ Dr. William Brady

รวมท่ายืด หลังเลิกงาน (Office syndrome)

นั่งมา 10 ชั่วโมง นั่งรถต่ออีกอย่างน้อย 1 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ แค่คิดก็เมื่อยแล้วค่ะ
.
การยืดจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ทำงานนะคะ ที่ชัดๆเลยคือ การยืดจะช่วยเร่งการหมุนเวียนของกระแสเลือด ให้อ็อกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อส่วนต่างๆได้ดีขึ้น
.
บ่อยครั้งที่การปวดนู่นนี่เล็กๆ น้อยๆ เกิดจากการนั่งนาน ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นขาดอ็อกซิเจนจากกระแสเลือด ซึ่งก็ทำให้เกิดความตึงตัวของกล้ามเนื้อ
.
การหาเวลายืดเหยียดเพียง วันละ 15 นาที ก็ช่วยได้แล้วนะคะ
.
จริงๆเราก็ทำอยู่แหละค่ะ ตามธรรมชาติโดยไม่รู้ตัว เราจะทำงานไป จับคอหมุนเอวไป แล้วแต่จะนึกได้ สิ่งเหล่านี้สัญชาตญาณเราบอกให้ทำอยู่แล้ว เพื่อยืดเส้นยืดสาย และให้มีอ็อกซิเจนเข้าไปเลี้ยงกล้ามเนื้อส่วนนั้นๆบ้าง
.
ถ้าใครยืดบ่อยหน่อย ก็จะมีความตึงน้อยกว่าชาวบ้านเค้า ปวดน้อยกว่าใคร
.
วันนี้จะมาบอกท่ายืด ครอบจักรวาล ตั้งแต่หัวจรดเท้ามาให้ทำ เพื่อหนุ่มสาวชาวอ็อฟฟิสโดยเฉพาะค่ะ แต่ละท่าก็แล้วแต่คนนะคะ ว่าใครกิจกรรมเป็นยังไง งานที่ทำเป็นอย่างไร มีกิจกรรมแบบไหน แต่ละท่า ก็แล้วแต่คนนะคะ ว่าใครต้องการท่ายืดแบบไหนมากกว่ากัน
.
1. Lateral Neck Flexion :
.
ท่านี้ถ้านั่งจ้องจอนานๆ เกร็งกล้ามคอ ปวดกล้ามเนื้อต้นคอ ตรงประมาณหลังส่วนบน
.
วิธีทำก็ ค่อยๆเอียงคอไป 1 ข้าง จะใช้มือช่วยดันก็ได้ หรือใช้น้ำหนักคอเราเองก็ได้นะคะ ค่อยๆเอียงยืดไป จนรู้สึกว่า กล้ามเนื้อตรงข้ามด้านทีพักยืดออก นับ 1-10 แล้วเปลี่ยนข้าง แต่ถ้าตึงมากยะเพิ่มเป็น 15-30 วินาทีก็ได้นะคะ จะยืนทำหรือนั่งทำก็ได้ แต่ถ้านั่งทำ อย่าทำบนเก้าอี้ที่มีล้อ หรือหมุนได้นะคะ อาจจะเกิดอันตรายค่ะ
.
2.Forward Neck Flexion:
.
ทำไปทำไมท่านี้ เพราะว่า100 ละ 90 เวลานั่งหน้าจอนานๆ จะมีการทำคอย่น หรือย่นและยื่นคอออกมาทีละนิด (forward head posture) ไม่ค่อยรู้ตัวกันหรอกค่ะ ส่วนใหญ่ท่ายื่นคอนี้เป็นผลมาจากปัญหาท่า (posture) ที่เรียกว่า kyphosis คือไหล่ห่อ หลังงอ คอยื่น/ย่น กล่มเนื้อตรงหลังบนและต้นคอก็จะเกร็งแน่นเป็นกระจุกเพราะเราอยู่ท่านั่นเป็นนาน สองนาน ส่วนใหญ่
.
ท่านี้จะนั่งทำหรือยืนทำก็ได้นะคะ แต่ถ้าจะนั่งอยากให้นั่งบนเก้าอี้ที่ไม่มีล้อนะคะ ค่อยๆก้มคอลงนะคะ ให้นึกภาพว่าเรากำลังยืดกล้ามเนื้อหลังส่วนบนและต้นคออยู่ ค้างใว้ 10วินาที สูดลมหายใจยาวๆเข้าออก อย่าเกร็งหัวไหล่ อย่าเกร็งแขน จะเพิ่มเวลาเป็น 15 หรือ 30 วินาทีก็ได้ค่ะ ตามต้องการ
.
3. Cross over shoulder stretch:
.
ท่านี้เหมาะมากเลยถ้าเราต้องนั่งนานๆมาทั้งวันเพราะจะยืดกล้ามเนื้อช่วงหัวไหล่ และกล้ามเนื้อหลังที่ใหญ่ที่สุด (trapezius) ยังไงก็คุ้ม
.
ยืนงอเข่าเล็กน้อย แล้วโน้มตัว ไขว้มือมาจับหัวเข่าด้านตรงข้าม ดูรูปประกอบนะคะ จะเห็นชัดกว่า
.
ถ้าอ้อมมือไปข้างหลังหัวเข่าด้านนอกได้มากแค่ไหน ก็จะยืดไหล่ ยืดหลังอกไปทางข้่งๆได้มากเท่านั้น ค่อยๆยกหลังขึ้น เกือบจะเหมือนท่าแมวโก่งหลังนะคะ มือยังจับแน่นที่หัวเข่า เป็นตัวยึด ยืดตัวงอออกเพื่อให้ความเกร็งของกล้ามเนื้อคลายลง ยืดอยู่ในท่านั้น 10-15-30วินาที ตามต้องการ
.
ท่านี้จะดีกว่าการคุกเข่ายืดหลังบนพื้น เพราะสำหรับคนที่มีอายุหรือปัญหาในเรื่องความดัน หรือ เข่า การยืนเพื่อยืดนั้นจะดีกว่าค่ะ ไม่หน้ามืด หรือเจ็บเข่าไปได้
.
4. Paralleled chest stretch:
.
สำคัญพอๆกับยืดหลังก็คือยืดอก โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเรื่องไหล่ห่อ กล้ามเนื้อที่อกก็จะหดตัว สั้นขึ้นเรื่อยๆ กล้ามหลังก็จะยาวขึ้น ในที่สุดอาจจะเป็นคนที่ไหล่ห่อแบบถาวรเลย
.
การยืดอกจึงสำคัญมากๆ จริงๆแล้วถ้า core เราไม่แข็งแรง แล้วเราทำอะไรนานๆ แม้กระทั่งออกกำลังกาย เช่น วิ่งนานๆ ไหล่เราจะเริ่มห่อ
.
แล้วผลที่ตามมาก็คือ เราจะหายใจได้ไม่สุดเท่าเวลาเปิดอก ขยายกล้ามเนื้อที่อกออก จะทำให้เราเหนื่อยง่าย เพราะหายใจได้ไม่ทั่วปอด
.
ท่านี้เป็นท่ายืน ยืดมือวางบนกำแพง แขนขนานกับพื้น ค่อยๆหันตัวออกจากกำแพง จนรู้สึกว่ากล้ามเนื้ออกยืดออก ค้างใว้ 10-15-30 วินาทีตามต้องการ
.
แต่ถ้าหัวไหล่มีปัญหา ก็ไม่แนะนำท่านี้ หรือทำอย่างระวังนะคะ
.
5. Lying cross over knee pull down stretch:
.
ทำส่วนบนมาจนสะใจแล้ว ก็มาทำส่วนกลางและล่างบ้าง เพราะต่อให้เป็นคนที่นั่งหลังตรง แต่การนั่งนานๆ ก็ทำให้เราค่อยๆจมลงไปในเก้าอี้ เกิดการหลังโกง และปวดหลังโดยเฉพาะตอนล่าง
.
ถ้าเราทำการยืดกล้ามเนื้อใหญ่ที่ก้นในท่านี้ เราก็สามารถยืดกล้ามเนื้อที่หลังได้ดีมากเลยค่ะ
.
การยืดท่านี้ได้ถูกวิธีคือ นอนหงายลง กางแขนออก งอเข่าข้างนึงขึ้น ไขว้ขามาอีกข้างนึง ดึงให้เท้ามาอยู่ในระดับเข่าของขาอีกข้างนึง กรุณาดูรูปกันงงนะคะ (ตอนนี้นี่ก้นจะรู้สึกยืดมากๆเลยค่ะ)
.
พอได้ที่แล้ว จะให้สุดกว่านั้น และถ้าพอจะทำต่อได้ ก็ให้ใช้มือด้านตรงข้ามกับขาที่ยก(ยกขาซ้ายก็ใช้มือขวา// ขาขวาก็มือซ้าย) ค่อยๆกดเข่าลงให้ใกล้พื้นที่สุด นี่คือแบบยืดสุดเลยนะคะ ค่อยๆทำไป อย่าเร่ง ได้แค่ไหนเอาแค่นั้นนะคะ
.
6. Rotating wrist stretch:
.
บางทีเราไม่รู้ตัวหรอกค่ะว่า ท้องแขน (forearms) สามารถเกร็งตึงได้จากการพิมพ์ การทำงานบนโต๊ะได้เหมือนกัน ทั้งนี้เพราะว่ามันเป็นกล้ามเนื้อขนาดเล็ก กว่าเราจะรู้ตัวเราก็ตึงมากแล้ว
.
ท่านี้จะช่วยยืดทั้งท้องแขน ทั้งข้อมือเลยนะคะ
.
ยืดแขนออกไปขนานกับพื้น ข้อมืออยู่ด้านล่าง นิ้วชูขึ้นฟ้า ใช้แขนตรงกันข้ามค่อยๆดึงนิ้วทั้งหมดพร้อมๆกันเข้าหาลำตัว เราจะรู้สึกได้ว่า มันจะยืดขึ้นไปถึงท้องแขนเลยทีเดียวเชียว แช่เอาใว้ 10-30 วินาที เลือกเอาเองนะคะ
.
7. Standing leg-up hamstring stretch
.
เขียนเอาใว้อย่างยาวเมื่อ 2-3วันก่อน เรื่องปวดหลังมาจาก กล้ามเนื้อด้านหลังต้นขา (hamstring) ตึง จะต้องบอกอีกไม๊เอ่ยว่า นั่งทำงานทั้งวัน ไม่ได้ไปวิ่งมาซักหน่อย ทำไมต้องยืด hamstring ด้วยคะ
.
ไม่บอกหรอก
.
แต่จะบอกว่า ท่านี้ให้ยืนตรง พาดขาข้างหนึ่งขึ้นบนเก้าอี้ โน้มตัวลงจนรู้สึกตึงที่หลังขา หรือตรง hamstring นั่นเอง
.
ทำไมคราวนี้ให้ยืนทำ
.
เพราะว่า นั่งทำงานมานานแล้ว เขียนให้กลุ่มคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำนะคะ การยืนและยืดท่านี้ แทนที่จะนั่งยืด จะช่วยให้เลือดและอฺอกซิเจนผ่านมายังกล้ามเนื้อบริเวณก้นและ hamstring ด้วย หลังจากที่ไม่ได้ผ่านมากมาหลายชั่วโมง
.
การนั่งบนพื้น ก้มและยืด hamstring อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่มีอายุ หรือ ความดันสูง ถ้าจะต้องก้มๆเงยๆค่ะ
.
8. Parallel arm shoulder stretch:
.
ยืดไหล่ และกล้ามเนื้อหลังบนนิดๆ เพราะว่าเรานั่งเยอะ ใช้แขนเยอะ ก็เกร็งเยอะ เวลาไหล่ติดนี่ไม่สนุกนะคะ
.
ยืนและยืดแขนข้ามตัวไป ให้แขนขนานกับพื้น พับแขนอีกข้างนึงขึ้นมากดตามภาพเลยค่ะ แช่ใว้ 10-30 วินาที ตามต้องการ เมื่อยแค่ไหน ทำนานแค่นั้นนะคะ
.
ยืดเองก็ได้ง่ายจัง ทำนะคะ ทำเลยวันนี้ค่ะ
.

ปวดหลัง ยืดอย่างไรดี

มี Swiss ball ลูกเดียว ท่าเดียว ยืดได้ทั้งหลัง อก และหน้าท้อง

เริ่มจากนั่งลงบน Swiss ball แล้วค่อยๆเลื่อนให้ลูกบอลไปอยู่ที่หลังช่วงล่าง แล้วค่อยๆเดินเท้าออกไปขากท่านั่ง ให้เหยียดเท่าที่ต้องการ ถ้าเหยียดสุดได้ก็สุดเลยนนะคะ แขนก็ค่อยๆไต่ออกไปตามพื้น จนเหยียดสุดเลย หรือจะแตะพื้นใว้เบาๆตามภาพก็ได้ค่ะ

แช่ใว้ในท่านี้ประมาณ 30 วินาทีนะคะ

วิ่งมาราธอนเสร็จแล้วทำอะไรดี

เดินค่ะ เดินกลับโรงแรมได้ยิ่งดี
เคยเป็นนะคะ วิ่งเสร็จแทบจะจ้างคนอุ้มกลับ หารถไม่เจอ ก็เลยเดินค่ะ แทบตาย แต่ปรากฏว่าไม่ตาย ยิ่งเดินกลับยิ่งดีขึ้น
แปลกมะ

จริงๆแล้วไม่แปลกหรอกค่ะ เพราะการเดินจะช่วยกำจัด lactic acid หลังการวิ่งได้ดีมาก
เพราะว่าหลังวิ่งมาราธอน เซลส์กล้ามเนื้อจะมีการอักเสบ เวลาที่กล้ามเนื้อทั่วตัวอักเสบ ก็จะใช้เวลาประมาณ 2 -4 อาทิตย์ ถึงจะฟื้นตัวเต็มที่
ความต้านทานโรค หรือ immune system ก็จะต่ำ จะเป็นช่วงที่ติดโรคได้ง่ายมากอีกด้วยค่ะ
นอกจากนี้ nutrition การกินดีอยู่ดีเพื่อซ่อมแทรมส่วนที่สีกหรอของร่างกายเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆในช่วงนี้
จริงๆเคยเขียนไปแล้วแหละ ในเรื่อง การออกกำลังกายหลังมาราธอนเนี่ย แต่อาจจะลืมหรือหากันไม่เจอ วันนี้เลยเอามาให้อ่านกันใหม่นะคะ
2 อาทิตย์แรก : จะเป็นการออกกำลังกายเบาๆ เริ่มจาก วิ่งในน้ำ (pool running), ว่ายน้ำ, ขี่จักยานเบาๆ, elliptical หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า Cross trainer machine, เดิน ทำเรียงตามลำดับนี้เลยนะคะ ทำอย่างละวัน สองวัน

จะสังเกตว่า ว่า การให้เริ่มการพักฟื้นโดยการออกกำลังกายในน้ำ ก่อนเลยเพราะ เป็นการใช้ healing power ของน้ำในการนวดตัว และเป็นการออกกำลังกายแบบ non impact อีกด้วย หลังจากนั้นซักวันสองวันก็ขึ้นมาออกกำลังกายบนบกได้

การขี่จักยานก็เป็นการช่วย hip flexor ให้ได้เคลื่อนไหวมากขึ้นในลักษณะการตั้งตัว คล้ายกับการวิ่ง แต่ยังใช้กล้ามเนื้อหลักคนละส่วนกับการวิ่งอยู่ดี แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยๆเลื่อนระดับมาใช้ เครื่องcross trainer ก็เป็นเครื่องออกกำลังแบบทั้งตัว การเคลื่อนไหวเริ่มใกล้เคียงกับการวิ่ง แต่ก็ยังเป็นแบบ non impact

แล้วหลังจากนั้น ก็ เริ่มเดินออกกำลัง หรือวิ่งเหยาะๆได้ น่าจะประมาณอาทิตย์ที่สอง
อาทิตย์ที่ 3 ถึงจะกลับมาเทรนแบบเบาๆ tempo สวยๆ สั้นๆ แต่อย่าพึ่ง interval หรือ วิ่งคอร์ท
แต่ถ้าจะให้ดี และบังเอิญมีรถไปจ่อรับหลังวิ่งมาราธอน ก็ไม่เป็นไรค่ะ กลั้นอกกลั้นใจ กระโดดตูมลงไปว่ายน้ำเบาๆ ทิ้งๆ หรือเดินชิลๆ เอาความเย็นของน้ำเข้านวดตัว แก้อักเสบเผ็ดร้อนได้ดีค่ะ

ยืดกล้ามเนื้ออก

ทำไม dynamic stretch ก่อนวิ่งต้องยืดกล้ามเนื้ออก

ง่ายๆเลย เพื่อฝึกให้วิ่งไหล่เปิดไม่ห่อไหล ให้ไหล่อยู่ในแนวเดียวกับเอว

การวิ่งห่อไหล่ไปข้างหน้า วิ่งหลังค่อม โดยเฉพาะเวลาเหนื่อยๆหลังกิโลที่20ไปแล้ว เห็นบ่อยเลยค่ะ เป็นการเพิ่มภาระให้กับ ไหล่ แขนและคอ และขัดขวางระบบการหายใจ รบกวนการเคลื่อนไหวของเอวและ กล้ามเนื้อ Hamstrings

อะไรไม่สำคัญเท่ากับหายใจไม่สะดวกตอนกิโลท้ายๆหรอกค่ะ มันเหนื่อย!!

เวลาวิ่ง อกต้องเปิด ผึ่งผายเข้าใว้ นะคะ นะคะ

หาไม้เบาๆมาหนึ่งอัน ไม้กวาดก็ได้อ่ะ ถือและยืดไปข้างหลังแบบในรูปเลยค่ะ ถ้าตึงมากอาจต้องใช้ momentum เป็นกิจกรรมเข้าจังหวะไปเลย ด้วยการ เดินถอยหน้าถอยหลังอยู่กับที่นะคะ

อย่างนี้ค่ะ

1. ถือไม้ชูขึ้นเหนือหัวนะคะ แขนสองข้างตึง

2. ก้าวขึ้นไปข้างหน้า 1 ก้าว (ขาข้างไหนก็ได้ไม่สำคัญ) แขนโยกไปข้างหลังแอ่นอกไปข้างหน้าแบบในรูปนะคะ

3. ก้าวกลับมาที่เดิม แขนกลับมาอยู่ระดับเหนือหัว หรือจะให้ดี ยื่นแขนไปข้างหน้าประมาณ15องศาจากจุดที่อยู่เหนือหัวนะคะ งงไม๊เนี่ย เอาให้เหลือบตาขึ้นแล้วมองเห็นไม้ ประมาณนั้น

4. ก้าวขึ้นไปข้างหน้า 1 ก้าว แบบเดิมอีก โยกแขนไปข้างหลัง

ทำซ้ำอยู่อย่างนี้ประมาณ 15-30 วินาที นะคะ

Quadriceps stretch

เนื่องจากกล้ามเนื้อต้นขาส่วนหน้าจะเป็นกล้ามเนื้อที่สำคัญสำหรับการเดิน การวิ่ง การขี่จักรยาน หรือการเล่นกีฬาแทบทุกชนิด เมื่อกล้ามเนื้อมีการใช้มากจะทำให้กล้ามเนื้อล้า และกล้ามเนื้อหดเกร็งซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดการบาดเจ็บเมื่ออกกำลังกาย

ดังนั้นก่อนการออกกำลังกาย ในวันพักหลังวิ่งหรือเมื่อไรก็ตามที่รู้สึกว่าตึงๆตรงหน้าขา ก็ได้เวลาแล้วค่ะที่จะยืดกล้ามเนื้อ

เริ่มจากท่านั่งบนขาก่อนนะคะ ค่อยๆเอาศอกลงวางทีละข้าง ถ้าสุดได้แค่นั้น ก็เอาแค่นั้น ถ้าไหวก็ค่อยๆลดหัวลงจนจรดพื้น จนนอนราบหลังติดพื้นไปเลยก็ได้

ระยะเวลาการยืดกล้ามเนื้อจะขึ้นกับความตึงหรือความล้าของกล้ามเนื้อ 15 วินาทีขึ้นไปนะคะ

นี่ทำหลังจากวิ่งมา 7กิโล กำลังตึงแบบปานกลางค่ะ

Stretching

เป็นคนนึงที่เกลียดการ stretch ที่สุดในโลก แล้วก็สับสนข้อมูลที่คนนู้น คนนี้บอกมา ขัดกันไปกันมา บางคนบอกควรทำเฉพาะหลังวิ่ง บางคนบอกก่อนวิ่ง บางคนบอกไม่ทำก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เราได้ทีก็เลยไม่ทำซะเลย แล้วก็ไม่ทำอยู่นานจนบาดเจ็บจนได้ ก็เลยได้เวลาศึกษาอย่างจริงจัง

สรุปเอาเฉพาะใจความสำคัญเลยก็แล้วกันนะคะ

Stretch ที่ทำเองได้มี 2 แบบ

1. Static stretching
เป็นการยืดกล้ามเนื้อแบบยืดไปและค้างไว้ ในท่า ท่านั้น โดยเมื่อเรายืดกล้ามเนื้อแล้วร่างกายนั้นจะส่งสัญญาณไปให้กล้ามเนื้อและเส้นใยนั้นเกิดการ “คลายตัว”ออก ซึ่งทำให้การเรียงตัวของ Fiber (เส้นใยกล้ามเนื้อ) ไม่แน่นเท่าเดิม, อันนี้เป็นกลไกการป้องกันตัวเองของกล้ามเนื้อเพื่อไม่ให้ขาด การยืดแบบนี้ควรยืดหลังการออกกำลังกาย ขณะที่กล้ามเนื้อกำลังอุ่นอยู่ จะได้ยืดได้ดี

stretch

Static stretch 2 แบบ

1.1 Maintenance stretch คือยืดกล้ามเนื้อให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมก่อนออกกำลังกาย ทำในส่วนที่ปกติไม่มีปัญหาในการตึงเมื่อยอะไรมากนัก การยืดควรค้างใว้ประมาณ 15 วินาทีก็พอ
1.2 Developmental stretch เป็นการยืดหลังออกกำลังกาย ในขณะที่ข้อและกล้ามเนื้อยังอุ่นอยู่ เหมือนกันกับ Maintenance stretch ทุกอย่าง เว้นอย่างเดียวคือ จะแช่ค้างใว้ประมาณ 30 วินาที ใช้ทำในบริเวณที่ตึงตั้งแต่ก่อนจะเริ่มเล่นกีฬาแล้วนะคะ

2.Dynamic stretch
เป็นการยืดก่อนออกกำลังกาย วิ่ง เวท machine ใช้ได้หมด เป็นการเตรียมร่างกายก่อนออกกำลังกายที่ดีกว่าการยืดกล้ามเนื้อแบบค้างไว้ การยืดแบบนี้ช่วยทำอุณหภูมิในร่างกายให้สูงขึ้น ถ้าหากอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น จะทำให้ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นได้ดี ลดการบาดเจ็บได้มากขึ้น ก็มีหลายท่าให้เลือกนะคะ เช่น Arm Circles, walking lunges, butt kicks, standing hip circles (วิธีการทำก็ถามพี่กูเกิ้ลเอานะคะ)

ไม่ใช่เดินถึงสนามวิ่งแล้วก็เผ่นวิ่งออกไปเลย หรือวิ่งเสร็จแล้วเดินออกไปเลย กู่ไม่กลับ

ไม่เอานะคะ ไม่เอา